คำพิพากษาฎีกาที่ 3111/2544

พันเอกสุพพัต      ศิริจันทร์โจทก์

บริษัทภูเก็ตบอทานิคส์  จำกัดจำเลย

เรื่อง      1.  เงินเพิ่มตามมาตรา 9 คืออะไร

2.  เมื่อนายจ้างไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง ค่าชดเชย เป็นการจงใจหรือไม่

คำพิพากษาฎีกาที่ 3111/2544

พันเอกสุพพัต      ศิริจันทร์โจทก์

บริษัทภูเก็ตบอทานิคส์  จำกัดจำเลย

เรื่อง        1.  เงินเพิ่มตามมาตรา 9 คืออะไร

2.  เมื่อนายจ้างไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง ค่าชดเชย เป็นการจงใจหรือไม่

1. โจทก์ฟ้องว่า ขอให้บังคับจำเลยชำระ(1)สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า(2)ค่าชดเชย(3)ค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี และ(4)ค่าจ้างค้างจ่ายตามจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย และ(5)เสียเงินเพิ่มตามกฎหมาย ชำระค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ย และค่าเสียหายเนื่องจากเลิกจ้างไม่เป็นธรรม พร้อมดอกเบี้ย กับขอให้จำเลยออกหนังสือรับรองการทำงานและหนังสือสำคัญการหักเงินเดือน ณ ที่จ่ายให้แก่โจทก์

2. จำเลยให้การว่า ตั้งแต่จดทะเบียนตั้งบริษัทมาจำเลยยังไม่ได้ประกอบกิจการอันใด  คงมีเพียงโครงการที่จะดำเนินการเท่านั้น เมื่อภาวะเศรษฐกิจไม่อำนวย จำเลยไม่มีรายได้ จึงต้องล้มเลิกโครงการและเลิกจ้างโจทก์ เป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุจำเป็น จึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มทุกระยะเวลาเจ็ดวัน ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

3. ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาให้จำเลยชำระ (1)ค่าจ้างค้างจ่ายเดือนธันวาคม 2542 พร้อมดอกเบี้ย (2)ค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี (3) ค่าชดเชย ให้จำเลย (4)เสียเงินเพิ่ม ร้อยละสิบห้าของเงินค่าจ้างค้างจ่ายทุกระยะเวลาเจ็ดวัน จ่ายเงินเพิ่มร้อยละสิบห้าของค่าจ้างใน(4.1)วันหยุดพักผ่อนประจำปี และ(4.2)ค่าชดเชย ทุกระยะเวลาเจ็ดวัน จนกว่าจำเลยจะชำระค่าจ้างค้างจ่าย ค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปีและค่าชดเชยเสร็จ กับให้จำเลยจ่าย(5)สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พร้อมดอกเบี้ยเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย

4. จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

5. ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า การที่บริษัทจำเลยไม่จ่ายค่าจ้างค้างจ่าย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าชดเชยให้แก่โจทก์ เนื่องจากบริษัทจำเลยไม่มีเงินจ่ายนั้น จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจงใจไม่จ่ายเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยปราศจากเหตุอันสมควร ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 9 วรรคสอง ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยเสียเงินเพิ่มร้อยละสิบห้าทุกระยะเวลาเจ็ดวันในเงินดังกล่าว ให้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น

6. พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องเสียเงิน (1)เพิ่มร้อยละสิบห้าทุกระยะเวลาเจ็ดวันในเงินค่าจ้างค้างจ่าย เงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าชดเชยให้แก่โจทก์ นอกจากที่ แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง