คำพิพากษาฎีกาที่ 4758/2556
บริษัทสเป็คซีล จำกัด โจทก์
นายสุทิน ใจสนุก ที่ 1
นางศิริ พึ่งเถื่อน ที่ 2 จำเลย
เรื่อง 1. ผู้ค้ำทำสัญญาค้ำประกันการทำงานให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ลาออกจากงาน แล้วไปทำงานกับคู่แข่งทางการค้า ผู้ค้ำ จะต้องร่วมรับผิดหรือไม่
คำพิพากษาฎีกาที่ 4758/2556
บริษัทสเป็คซีล จำกัด โจทก์
นายสุทิน ใจสนุก ที่ 1
นางศิริ พึ่งเถื่อน ที่ 2 จำเลย
เรื่อง 1. ผู้ค้ำทำสัญญาค้ำประกันการทำงานให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ลาออกจากงาน แล้วไปทำงานกับคู่แข่งทางการค้า ผู้ค้ำ จะต้องร่วมรับผิดหรือไม่
1. โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการซื้อขายนำเข้าและผลิตสินค้าประเภทซีลโอริ่งเครื่องจักรกลต่างๆ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2542 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของโจทก์ ในตำแหน่งพนักงานขายและตกลงกันว่าจะไม่ประกอบอาชีพหรือเข้าปฏิบัติงานกับหน่วยงานใดที่ประกอบกิจการประเภทเดียวกันกับโจทก์ภายใน
5 ปี นับจากวันสิ้นสุดสภาพการเป็นพนักงานของโจทก์ วันที่ 18 ตุลาคม 2548 จำเลยที่ 1 ลาออกจากการเป็นลูกจ้างของโจทก์ จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกัน
การทำงานของจำเลยที่ 1 ระหว่างที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์จำเลยที่ 1 ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2549 จำเลยที่ 1 ไปเป็นลูกจ้างบริษัท
ที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทซีลโอริ่ง ให้แก่ลูกค้าในกรุงเทพ อันเป็นการจงใจละเมิดสัญญาจ้าง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรับผิดร่วมกันอย่างลูกหนี้
2. จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 เท่านั้น โดยไม่ได้ค้ำประกันความเสียหายจากการผิดสัญญาเข้าทำงานในกิจการประเภทเดียวกับโจทก์หรือเปิดเผยข้อมูลความลับหลังจากที่จำเลยที่ 1 พ้นสภาพลูกจ้างแล้ว ภายหลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดแล้ว จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
3. ศาลแรงงานกลางพิพากษา ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 206,398.99 บาทแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 อย่างลูกหนี้ร่วมจำนวน 201,398.99 บาท พร้อมดอกเบี้ย
4 ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิด กรณีที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่ เห็นว่าสัญญาค้ำประกันไม่มีข้อความใดระบุไว้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 2 ยอมผูกพัน ร่วมรับผิดชอบหากจำเลยที่ 1 เข้าปฏิบัติงานกับบริษัทหรือหน่วยงานอื่นที่ประกอบกิจการประเภทเดียวกัน กับโจทก์หรือเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ของโจทก์ภายในระยะเวลา 5 ปี ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวข้างต้นจึงจำกัดเฉพาะความเสียหายใดๆ ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในระหว่างเป็นลูกจ้างของโจทก์เท่านั้น หาผูกพันถึงความเสียหายกรณีที่จำเลยที่ 1 ไปเป็นลูกจ้างบริษัทอื่น ที่ประกอบกิจการประเภทเดียวกันหรือเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ของโจทก์ในภายหลังไม่ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น
www.paiboonniti.com