คำพิพากษาฎีกาที่ 8244/2555
นายบุญสม เหลือถนอม โจทก์
บริษัท ลินฟ้อกซ์ ทรานสปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด จำเลย
เรื่อง 1. ค่าเที่ยวคืออะไร
2. เงื่อนไขการจ่ายค่าเที่ยว ควรเป็นอย่างไร
3. ละทิ้งหน้าที่ 2 วันทำงาน เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม และไม่ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
1. โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2543 จำเลยรับโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้าง ตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานขับรถบรรทุกหัวลากตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้า เพื่อส่งสินค้าของห้างเทสโก้โลตัสไปยังสาขาทั่วประเทศตามที่จำเลยมอบหมาย ได้รับค่าจ้างเดือนสุดท้าย 6,975 บาท และค่าเที่ยวซึ่งจะได้รับในแต่ละเที่ยวขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล ได้รับค่าเที่ยวสุดท้ายคือค่าเที่ยวเดือนธันวาคม 2548 จำนวน 11,000 บาท รวมเป็นค่าจ้างอัตราสุดท้ายเป็นเงิน 17,975 บาท ต่อมาวันที่ 6 มกราคม 2549 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิด จำเลยจึงต้องรับโจทก์กลับเข้าทำงาน โดยจ่ายค่าจ้างย้อนหลัง แต่หากไม่รับเข้าทำงานโจทก์ขอเรียกค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 107,850 บาทให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย 107,850 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 13,780 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
2. จำเลยให้การ การทำงานของพนักงานขับรถจะทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน หยุด 1 วัน โจทก์มีเงินเดือนประจำโดยได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย 6,975 บาท ส่วนค่าเที่ยวเป็นค่าตอบแทนพิเศษจะให้ต่อเมื่อพนักงานขับรถไปส่งสินค้าจริงเท่านั้น และจำนวนค่าเที่ยวจะขึ้นอยู่กับระยะทางในการขนส่งสินค้าการคิดค่าจ้างอัตราสุดท้ายของโจทก์จึงไม่รวมค่าเที่ยว และค่าเที่ยวสุดท้ายเดือนธันวาคม 2548 ที่โจทก์ระบุมาสูงเกินจริง วันที่ 6 มกราคม 2549 จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 2 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควรและการทำผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง
3. ศาลแรงงานพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
4. ศาลฎีกา ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยตำแหน่งพนักงานขับรถขนส่งสินค้าหัวลากตู้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2549 โจทก์ไม่มาทำงานโดยไม่ยื่นใบลา โจทก์ยอมรับว่าไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 2 และวันที่ 3 มกราคม 2549 โดยมิได้ยื่นใบลาตามระเบียบ จึงเป็นการกระทำที่ไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2549 จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุแห่งการเลิกจ้างไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
5. จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมีเหตุผลที่จะไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ การที่โจทก์ละทิ้งงานในหน้าที่ 2 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้ยื่นใบลาให้ถูกต้องตามระเบียบ และไม่แจ้งให้จำเลยทราบจึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย และช่วงที่โจทก์ละทิ้งงานในหน้าที่ไปนั้นเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่ห้างเทสโก้โลตัสลูกค้าของจำเลยขายสินค้า ได้ดี โจทก์ย่อมทราบดีว่าการละทิ้งงานในหน้าที่ของโจทก์ช่วงดังกล่าวนั้นอาจทำให้จำเลยส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าไม่ทันตามสัญญาและก่อความเสียหายให้แก่จำเลย การกระทำของโจทก์จึงเป็นการทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลย จึงไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
6. การเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานโดยละทิ้งงานในหน้าที่ไปเป็นเวลา 2 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร การเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุผลอันสมควร จึงมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
7. คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยเลิกจ้างโดยมีเหตุที่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่ การละทิ้งหน้าที่เพียง 2 วันทำงานติดต่อกันจึงไม่ใช่กรณีที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 วรรคหนึ่ง (5) แต่เนื่องจากโจทก์อ้างว่าได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 17,935 บาท โดยค่าจ้างอัตราสุดท้ายดังกล่าวโจทก์รวมค่าเที่ยวสุดท้ายเดือนธันวาคม 2548 จำนวน 11,000 บาทด้วย ส่วนจำเลยให้การว่าค่าเที่ยวเป็นค่าตอบแทนพิเศษจะจ่ายให้เมื่อพนักงานขับรถไปส่งสินค้าจริง ค่าจ้างสุดท้ายของโจทก์ไม่รวมค่าเที่ยว และค่าเที่ยวเดือนธันวาคม 2548 สูงเกินจริง มีปัญหาว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละเท่าไร ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่สามารถวินิจฉัยได้เองจึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวันพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 มกราคม 2549 จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ย้อนสำนวนให้ ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละเท่าไร แล้วพิพากษาประเด็นนี้ใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น
www.paiboonniti.com
Code : 56