คำพิพากษาฎีกาที่ 6142 – 6144/2555
นายปารย์ ไวทิน ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน โจทก์
บริษัท โคเน่ไทยลิฟท์ จำกัด (มหาชน) จำเลย
เรื่อง 1. งานโครงการคืออะไร
2. ธุรกิจปกติคืออะไร
3. จ้างทำของต่างกับจ้างแรงงานอย่างไร
1. โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้อง ทำนองเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2550 จำเลยว่าจ้างโจทก์ที่ 1 เข้าทำงานเป็นลูกจ้างทำหน้าที่ผู้จัดการโครงการ และวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 จำเลยว่าจ้างโจทก์ที่ 2 และที่ 3 เข้าทำงานเป็นลูกจ้างตำแหน่งพนักงานคลังสินค้า โจทก์ทั้งสามได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 160,000 บาท 30,000 และ 12,000 บาท ตามลำดับ นอกจากนี้โจทก์ที่ 1 ยังได้รับค่าลงลายมือชื่ออนุมัติแบบอีกครั้งละ 5,000 บาท ซึ่งโจทก์ที่ 1 ได้ลงลายมือชื่ออนุมัติแบบไว้ 1 ครั้ง ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสาม จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชย 90 วัน เป็นเงิน 480,000 บาท 90,000 บาท และ 36,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กับให้จำเลยจ่ายค่าลงลายมือชื่ออนุมัติแบบ 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
2. จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยมีวัตถุประสงค์หลักในการผลิต ออกแบบ จำหน่าย ติดตั้งและบำรุงรักษาลิฟต์ของจำเลยโดยจำเลยจ้างโจทก์ที่ 1 ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการโครงการตามสัญญา 2 ฉบับ ฉบับแรกวันที่ 9 กรกฎาคม 2550 ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2552 ฉบับที่ 2 วันที่ 9 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2552 โจทก์ที่ 1 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 160,000 บาท จำเลยจ้างโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ทำงานในตำแหน่งพนักงานคลังสินค้า ในแผนกธุรกิจโครงการขนาดใหญ่ สำหรับโจทก์ที่ 2 ทำสัญญา 3 ฉบับ ฉบับแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ฉบับที่ 2 วันที่ 1 มกราคม 2552 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 และฉบับที่ 3 วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2552 โจทก์ที่ 2 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 30,000 บาท ส่วนโจทก์ที่ 3 ทำสัญญากับจำเลยรวม 2 ฉบับ ฉบับแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และฉบับที่ 2 วันที่ 1 มกราคม 2552 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 โจทก์ที่ 3 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 12,000 บาท จำเลยกำหนดจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ทั้งสามทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน จำเลยมอบหมายให้โจทก์ที่ 1 ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลในการติดตั้งลิฟต์ที่โครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ เม็ท” และมอบหมายให้โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ทำหน้าที่เป็นพนักงานคลังสินค้า ดูแลสินค้าต่างๆ ของจำเลย ซึ่งอยู่ในโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียม “เดอะ เม็ท” ซึ่งจำเลยได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ติดตั้งลิฟต์ในโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการเฉพาะไม่ใช่งานปกติของธุรกิจจำเลย มิใช่งานประจำที่โจทก์ทั้งสามต้องทำต่อเนื่องกันตามปกติในทางธุรกิจการค้าของจำเลย ทั้งสัญญาว่าจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์ทั้งสามมีกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดแน่นอน นอกจากนี้จำเลยไม่เคยมีข้อตกลงจ่ายค่าตอบแทนค่าลงลายมือชื่ออนุมัติแบบครั้งละ 5,000 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 1 แต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
3. ระหว่างพิจารณา โจทก์ที่ 1 ขอสละข้อเรียกร้องที่ให้จำเลยชำระเงินค่าลงลายมือชื่ออนุมัติแบบตามฟ้อง
4. ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 480,000 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 90,000 บาท และโจทก์ที่ 3 จำนวน 36,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
5. ศาลฎีกา จำเลยได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ติดตั้งลิฟต์ในโครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ เม็ท” ถนนสาทรใต้ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร โดยโครงการดังกล่าวได้ทำสัญญาว่าจ้างการติดตั้งลิฟต์กับจำเลย ในการว่าจ้างโจทก์ที่ 1 จำเลยมอบหมายให้โจทก์ที่ 1 ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลในการติดตั้งลิฟต์ในโครงการดังกล่าว และมอบหมายให้โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ทำหน้าที่เป็นพนักงานคลังสินค้า ดูแลสินค้าต่างๆ ของจำเลยซึ่งอยู่ในโครงการดังกล่าว หลังจากที่สัญญาจ้างระหว่างโจทก์ที่ 1 และที่ 2 กับจำเลยสิ้นสุดลงในวันที่ 31 สิงหาคม 2552 และระหว่างโจทก์ที่ 3 กับจำเลยสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายน 2552 โจทก์ทั้งสามและจำเลยไม่ได้ต่อสัญญาจ้างกันอีก และจำเลยไม่ได้จัดหางานให้โจทก์ทั้งสามทำต่อไป รวมทั้งไม่ได้จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ทั้งสามอีกต่อไป จึงต้องถือว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งสามแล้วด้วยเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้าง ประกอบกับเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสามได้กระทำความผิดแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสาม ทั้งนี้ เมื่อได้พิจารณาวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจของบริษัทจำเลยซึ่งทำการผลิต ออกแบบ จำหน่าย ติดตั้งและบำรุงรักษาลิฟต์แล้ว เป็นงานตามปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลย อันถือได้ว่าจำเลยจ้างโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ให้ทำงานอันเกี่ยวกับงานอันเป็นปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลยด้วย จึงไม่จำต้องพิจารณาต่อไปว่าการจ้างระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยจะเข้าหลักเกณฑ์ในประการอื่นของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 วรรคสามและวรรคสี่ หรือไม่ จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสาม
พิพากษายืน.
รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น
www.paiboonniti.com
C.3