คำพิพากษาฎีกาที่ 750-751/2554

นางสาววลัยลักษณ์ ปรีดาถวัลย์ โจทก์

บริษัท ฟาร์มาฮอฟ จำกัด จำเลย

เรื่อง 1.เงินค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าน้ำมันรถยนต์ ค่าสึกหรอ ค่าโทรศัพท์ หากมีการจ่ายประจำลักษณะเหมาจ่ายเป็นรายเดือน ลูกจ้างไม่ต้องแสดงใบเสร็จเป็นหลักฐานในการรับเงินเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงาน เป็นค่าจ้างตามมาตรา 5 พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน

1. โจทก์สำนวนแรกฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้าง ตำแหน่งสุดท้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ในระหว่างที่โจทก์ทำงานกับจำเลย จำเลยค้างจ่ายเดือนมกราคม 2549 เป็นเงิน 8,000 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิงเฉย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างค้าง 8,000 บาท แก่โจทก์

1.1 โจทก์สำนวนหลังฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้าง ตำแหน่งสุดท้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2549 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ โดยโจทก์ ไม่ได้กระทำความผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย 69,000 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 39,866 บาท และเงินประกันหรือสะสม 22,415 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้น 69,000 บาท และ 22,415 บาท และอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 39,866 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

2. จำเลยสำนวนแรกให้การว่า จำเลยจ่ายค่าจ้างเดือนมกราคม 2549 ให้โจทก์ครบถ้วนแล้วโดยโอนเข้าบัญชีของโจทก์ คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแหล่งข้อหาว่าเงิน 8,000 บาท ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยค้างจ่ายเป็นเงินค่าจ้างในส่วนใดจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

2.1 จำเลยสำนวนหลังให้การว่า โจทก์เป็นพนักงานของจำเลย ตำแหน่งสุดท้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ สำนักงานใหญ่ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 23,000 บาท โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ บกพร่องต่อหน้าที่และกระทำการอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและโดยสุจริตกระทำการอันเป็นปรปักษ์ต่อจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยคืนเงินสะสมจำนวน 22,415 บาท พร้อมจ่ายค่าจ้างส่วนที่เหลือของเดือนมีนาคม 2549 โดยโอนเข้าบัญชีโจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง

3. ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวน 8,000 บาท ให้แก่โจทก์สำนวนแรก สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 37,566 บาท และค่าชดเชยจำนวน 69,000 บาทให้แก่สำนวนหลัง พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 8,000 บาท และ 69,000 บาท อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

4. ปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า เงินค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าน้ำมันรถยนต์ จำนวน 5,000 บาท ค่าสึกหรอรถยนต์ 2,000 บาท และค่าโทรศัพท์ 1,000 บาท รวม 8,000 บาท ซึ่งจำเลยเห็นว่าเป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้เฉพาะพนักงานขายเป็นการช่วยเหลือ โดยจะต้องทำเรื่องขอเบิกจ่ายตามขั้นตอน จึงไม่ใช่ค่าจ้างนั้น เห็นว่า เงินดังกล่าวมีการจ่ายประจำลักษณะเหมาจ่ายเป็นรายเดือน ไม่คำนึงถึงว่าจะได้ใช้จ่ายเป็นค่าบำรุงรักษารถยนต์และค่าโทรศัพท์ไปหรือไม่เพียงใด ลูกจ้างไม่ต้องแสดงใบเสร็จเป็นหลักฐานในการรับเงิน การจ่ายเงินดังกล่าวจึงเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานของโจทก์ในลักษณะเช่นเดียวกันกับค่าจ้างจึงเป็นค่าจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5 ดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าเงินดังกล่าวเป็นค่าจ้างแล้วพิพากษาให้จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยจึงฟังไม่ขึ้น

5. พิพากษายืน

รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น (บ.1/43)

www.paiboonniti.com