นายทรงพล   พันต่วน                                                     โจทก์ 

บริษัทฮีดากา รีไซเคิล อ๊อฟ เอเชีย จำกัด                              จำเลย

เรื่อง  ลูกจ้างไม่สามารถปฏิบัติงานตามที่ตกลงกับนายจ้างไว้ เมื่อนายจ้างเลิกจ้างโดยจ่ายค่าชดเชยแล้ว นายจ้างไม่ต้องรับผิดในสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายฯ

1.  โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามที่ได้รับมอบหมาย และตามลักษณะงานที่กำหนด ซึ่งไม่เป็นความจริง จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด    และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า   และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม พร้อมดอกเบี้ย

2.  จำเลยให้การว่า เมื่อโจทก์ผ่านการทดลองงานแล้ว  จำเลยได้พยายามให้โจทก์ปรับปรุงการทำงานเรื่อยมา สุดท้ายจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติงานตามที่ตกลงกับจำเลยไว้ และขอเลิกจ้างโจทก์ โดยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว ส่วนสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเพราะได้ตกลงยินยอมรับเงินไปจากจำเลยแล้ว     ขอให้ยกฟ้อง

3.   ศาลแรงงานภาค 2 พิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง

4.  โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์เพียงแต่ไม่อาจทำให้นายจ้างไว้วางใจได้เท่านั้น ไม่ได้กระทำความผิดกรณีร้ายแรง จำเลยยังไม่มีสิทธิลงโทษโจทก์ถึงขนาดที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้ จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนเลิกจ้าง  ศาลรับฟังข้อเท็จจริงว่า มีการประเมินผลถึง 4 ครั้ง โจทก์ ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินผลการทำงาน เห็นว่า จำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญาจ้างเนื่องจากโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบได้ จำเลยมิได้กลั่นแกล้งโจทก์ กรณีจึงมีเหตุผลเพียงพอและสมควร  ที่จำเลยจะเลิกสัญญาจ้างโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมต่อโจทก์

5.  ปัญหาต่อไปว่า จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ โจทก์ไม่ได้ไปทำงานเนื่องจากลาป่วยและลากิจ แต่โจทก์กลับทำบันทึกรายงานการตรวจงานโรงอาหาร แสดงว่าโจทก์รายงานเท็จ ย่อมถือได้ว่า โจทก์มีการกระทำอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ทำให้จำเลยนายจ้างมีสิทธิที่จะให้โจทก์ออกจากงานได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้

 พิพากษายืน