คำพิพากษาที่ 5467/2555

บริษัทกู๊ดเยียร์(ประเทศไทย) จำกัด ( มหาชน)                    โจทก์

นายบุญส่ง วลัยวิทย์ ที่ 1
นายปรัญชา วลัยวิทย์ ที่ 2
นายวชิรา วลัยวิทย์ ที่ 3                                                       จำเลย

เรื่อง 1.ลูกจ้างที่มีตำแหน่ง จัดทำบัญชีจ่ายเงินค่าจ้างโอนเข้าบัญชีเงินฝากพนักงานเกินกว่าค่าจ้างที่แท้จริง เป็นการทุจริต

1.โจทก์ฟ้องและแก้ไข้คำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ประจำฝ่ายบริหาร แผนกบัญชีโรงงาน มีหน้าที่จัดทำบัญชีจ่ายเงินค่าจ้างพนักงานผ่านธนาคารด้วยระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และเอกสารเพื่อเสนอต่อกรรมการของโจทก์ให้ออกเช็คสั่งจ่ายจากบัญชีโจทก์โอนเข้าบัญชีเงินฝากของพนักงานแต่ละคน จำเลยที่ 2 เป็นบุตรบุญธรรมของจำเลยที่ 1 ทั้งยังเป็นลูกจ้างโจทก์ และจำเลยที่ 3 เป็นภริยาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จัดทำบัญชีจ่ายเงินค่าจ้างด้วยข้อมูลและข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้มีการสั่งจ่ายเช็คเบิกถอนเงินจากบัญชีโจทก์มากเกินกว่าจำนวนที่ต้องจ่ายเป็นค่าจ้างที่แท้จริงแล้วโอนส่วนที่เกินนั้นเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสาม รวมเป็นเงิน 7,087,078.84 บาท จำเลยทั้งสามจึงร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันจ่ายเงินจำนวน 7,110,378.83 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 7,087,078.84 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

2.จำเลยที่ 1 ให้การว่า ขอรับสารภาพตามฟ้องแต่มีลูกจ้างอื่นรู้เห็นกับการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่จำต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ทราบที่มาของเงินที่โอนเข้าบัญชีของตน จึงไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ด้วย ขอให้ยกฟ้อง
2.1 จำเลยที่ 2 ให้การว่า ระยะเวลาที่อ้างว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยที่ 2 ยังมิได้เป็นลูกจ้างโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่มีหน้าที่ทำบัญชีจ่ายเงินค่าจ้างพนักงาน รวมทั้งไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำการฉ้อโกงโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
2.2 ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ศาลแรงงานกลางอนุญาตและจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3
3.ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 7,087,078.84 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2547 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2

4.โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอเปิดบัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่ 1654912870 ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด     (มหาชน)    เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543 แล้วมอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ( ATM ) ให้แก่จำเลยที่ 1 ไว้ และ      จำเลยที่  2  เริ่มเป็นลูกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2545  การที่โจทก์แสดงพยานหลักฐานแต่เพียงว่า การ                    ทุจริตยักยอกเงินโจทก์ของจำเลยที่ 1 ได้กระทำผ่านบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 เท่านั้น หาทำให้พอฟัง ข้อเท็จจริงได้ว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 2 เป็นการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่  จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทุจริตหรือไม่เห็นว่าการที่จะถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทุจริตนั้น จำเลยที่ 2 จะต้องทราบว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการทุจริต ลำพังการที่จำเลยที่ 2 เปิดบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ก่อนเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของโจทก์ 2 ปีเศษแล้วมอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ทราบเรื่องการทุจริตของจำเลยที่ 1 จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทุจริต อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

5.พิพากษายืน

รวบรวมโดยนายไพบูลย์  ธรรมสถิตย์มั่น (บ.1/43)
www.paiboonniti.com