นายจ้างอ้างภาวะขาดทุนเป็นเหตุเลิกจ้าง – ทนายแรงงาน ไพบูลย์นิติ ที่ปรึกษากฎหมายแรงงาน

คำพิพากษาฎีกาที่ 3240 3247/2553

นายสมพงษ์ บางนาชาติ ที่ 1 กับพวกอีก 8 คน โจทก์

บริษัท วาย เค เค (ประเทศไทย) จำกัด จำเลย

เรื่อง 1. นายจ้างอ้างเหตุประสบปัญหาภาวะขาดทุน ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ใช้เป็นเหตุเลิกจ้าง แต่มีการจ้างเหมาบุคคลภายนอกมารับขนส่งแทน การเลิกจ้าง มีเหตุจำเป็นและเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม หรือไม่

2. กรณีลูกจ้างได้รับเงินค่าชดเชย เงินบำเหน็จ และเงินช่วยเหลือพิเศษจากนายจ้าง โดยทำบันทึกสละข้อเรียกร้องเงินอื่นใดจากนายจ้างแล้ว ลูกจ้างสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากนายจ้างอีกได้ หรือไม่

1. โจทก์ทั้งแปดเป็นลูกจ้างจำเลยตำแหน่งพนักงานขับรถจัดส่งสินค้า ต่อมาจำเลยเปลี่ยนแปลงระบบการจัดส่งสินค้าโดยให้บริษัทรับเหมามาจัดส่งสินค้าแทน ส่วนโจทก์ทั้งแปดจำเลยย้ายไปทำหน้าที่อื่น และได้ยุบหน่วยงานจัดส่งสินค้า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปด แต่จำเลยรับพนักงานอื่นมาทำหน้าที่แทน การเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากโจทก์ทั้งแปดสามารถทำงานได้ถึงเกษียณอายุ ขอให้จำเลยชดใช้เงินค่าจ้างกรณีเลิกจ้างก่อนเกษียณและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งแปด

2. จำเลยให้การว่า จำเลยประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว วัตถุดิบขึ้นราคา และมีการแข่งขันทางด้านการค้าสูง จำเลยไม่สามารถขายสินค้าได้ตามเป้าหมาย บริษัทแม่และบริษัทในเครือได้พิจารณาที่จะปรัดลดขนาดองค์กรเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพื่อความอยู่รอดของบริษัทจำเลยและพนักงานทั้งให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำเลยจึงได้ยุบหน่วยงานจัดส่งสินค้าและได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย และโจทก์ทั้งแปดได้รับค่าชดเชย เงินบำเหน็จเงิน ช่วยเหลือพิเศษ และเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว โจทก์ทั้งแปดตกลงสละสิทธิเรียกร้องจากการเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งแปด

3. ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 33,000 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 29,000 บาท โจทก์ที่ 3 เป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์ที่ 4 เป็นเงิน 32,000 บาท โจทก์ที่ 5 เป็นเงิน 18,500 บาท โจทก์ที่ 6 เป็นเงิน 15,000 บาท โจทก์ที่ 7 เป็นเงิน 20,000 บาท และโจทก์ที่ 8 เป็นเงิน 25,000 บาท

4. จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

5. ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้ประสบภาวะขาดทุนจนไม่สามารถดำเนินกิจการได้การเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดโดยจ้างเหมาบุคคลภายนอกมารับขนส่งแทนยังไม่มีเหตุจำเป็นสมควรที่จะเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปด การเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

6. โจทก์ทั้งแปดได้รับเงินค่าชดเชยเงินบำเหน็จ และเงินช่วยเหลือพิเศษจากจำเลยแล้ว โจทก์ทั้งแปดทำบันทึกสละสิทธิเรียกร้องเงินอื่นใดจากจำเลย โจทก์ทั้งแปดจึงไม่มีอำนาจที่จะรื้อฟื้นสิทธิที่ระงับไปแล้วตามกฎหมายมาเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลยอีก ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งแปดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

7. พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งแปด

รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น (บ.1/15)
www.paiboonniti.com