คำพิพากษาฎีกาที่ 5971/2553

บริษัทแมทเทล กรุงเทพ จำกัดโจทก์

นางสาวจ. ที่ 1จำเลย

นางสาวภ.ที่ 2

เรื่อง1. นายจ้างกับลูกจ้างทำข้อตกลงกัน โดยนายจ้างส่งลูกจ้างไปอบรมด้วยค่าใช้จ่ายที่นายจ้างออกให้ทั้งหมด และลูกจ้างเมื่ออบรมเสร็จหลักสูตร ลูกจ้างจะต้องทำงานให้นายจ้างอย่างน้อย 3 ปี หากลูกจ้าง ไม่ทำตามข้อตกลง ลูกจ้างต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับนายจ้างตามที่จ่ายไปจริง ข้อตกลงดังกล่าวทำได้หรือไม่

2. ผู้ค้ำประกันบุคคลเข้าทำงานย่อมมีผลผูกพันตามสัญญาค้ำประกัน

 

 

1. โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงาน โจทก์ตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าโจทก์จะส่งจำเลยที่ 1 เข้าอบรมหลักสูตรซิก ซิคม่า โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการอบรมและหลังจากอบรมเสร็จแล้วจำเลยที่ 1 จะทำงานให้กับโจทก์ในตำแหน่งหน้าที่เดิมหรือหน้าที่อื่นที่โจทก์มอบหมายอีกอย่างน้อย 3 ปี หากไม่สามารถทำได้จำเลยที่ 1 ตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้กับโจทก์ตามที่โจทก์ได้จ่ายไปจริง แต่หลังจากอบรมเสร็จแล้วจำเลยที่ 1 ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของโจทก์ซึ่งทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

2. จำเลยที่ 1 ให้การว่า คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นคำบรรยายฟ้องที่เคลือบคลุมการจัดอบรมของโจทก์ดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของโจทก์เอง และจำเลยที่ 1 ได้นำความรู้ความสามารถมาประยุกต์ใช้งานจนโจทก์ได้รับประโยชน์และลดค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ข้อตกลงที่โจทก์อ้างเป็นข้อตกลงที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชนขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง

2.1 จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 เฉพาะกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายเนื่องด้วยความประมาทเลินเล่อ มีเจตนาทุจริตหรือจงใจฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติของโจทก์ ไม่ได้ยินยอมค้ำประกันหรือยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม โจทก์ต้องเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ก่อน การที่โจทก์มาฟ้อง จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต สัญญาค้ำประกันได้สิ้นความผูกพันเนื่องจากสัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลง เมื่อจำเลยที่ 1 ได้พ้นจากหน้าที่การงานหรือการเป็นพนักงานของโจทก์ไปแล้วเป็นเวลา 30 วัน จำเลยที่ 2 จึงสิ้นสุดความผูกพันตามสัญญาและไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

3. ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้เข้าอบรมในโครงการอบรมหลักสูตรซิก ซิคม่า ที่โจทก์ได้จัดขึ้นโดยว่าจ้างบริษัท โรแบร์ฯ ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2549 จนถึงวันที่11 มิถุนายน 2547 ครบถ้วนทั้งโครงการ โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในส่วน ของจำเลยที่ 1 ทั้งหมด แล้ววินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เมื่อจำเลยที่ 1 ตกลงจะชดใช้ค่าฝึกอบรมตามที่โจทก์เสียค่าใช้จ่ายไปจริง จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายให้ แก่โจทก์เป็นเงิน 110,650 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อไป นับแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2547 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 2,996.50 บาท

4. จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ประการแรกว่า คำฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ ระหว่างการทำงาน โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าโจทก์จะส่งจำเลยที่ 1 ไปอบรมหลักสูตรซิก ซิคม่า (Six Sigma) โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้และมีข้อตกลงว่าหลังจากฝึกอบรมแล้ว จำเลยที่ 1 จะทำงานกับโจทก์ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถทำงานตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 1 ตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตามที่จ่ายไปจริง จึงเป็นคำฟ้องที่บรรยายโดยแจ้งชัด ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

4.1 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ประการสุดท้ายว่าข้อตกลงในการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่ Black Belt เป็นการจำกัดสิทธิในการประกอบอาชีพ เห็นว่า การที่โจทก์ส่งจำเลยที่ 1 เข้าอบรมเพื่อเรียนรู้ระบบงานย่อมจะต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ก็ทำให้ผู้ไปฝึกอบรมได้วิชาความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกอบรมและสามารถนำมาใช้ในการทำงานให้เป็นประโยชน์แก่กิจการของนายจ้างด้วย เมื่อพิจารณาหนังสือข้อตกลงการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่ Black Belt ระบุว่า จำเลยที่ 1 ตกลงที่จะทำงานกับโจทก์ต่อไปในหน้าที่ Black Belt หรือหน้าที่อื่นตามที่โจทก์มอบหมายอย่างน้อย 3 ปี สัญญาดังกล่าวจึงมี ลักษณะต่างตอบแทนที่ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบ จึงมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 5 และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อตกลงตามหนังสือข้อตกลงการปฏิบัติงานในตำแหน่ง Black Belt จึงไม่เป็นโมฆะ

4.2 ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เห็นว่า ตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน เอกสารหมาย จ.4 ข้อ 5 ระบุว่า หนังสือสัญญาค้ำประกันนี้ให้ใช้บังคับตลอดระยะเวลาที่นางสาว จ (จำเลย) เป็นพนักงานของบริษัทฯ และจะสิ้นสุดลงเมื่อนางสาว จ (จำเลย) ได้พ้นจากหน้าที่การงานหรือการเป็นพนักงานของบริษัทฯ ไปแล้วเป็นเวลา 30 วัน หมายความว่า จำเลยที่ 2 ยอมผูกพันตนชำระหนี้ชดใช้ค่าเสียหายไม่ว่ากรณีใด ๆ อันเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ในขณะปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างของโจทก์ จะสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยที่ 1 พ้นจากการปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างของโจทก์ไปแล้ว โดยมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดต่อโจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนั้น จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น

5. พิพากษายืน

 

รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น (บ.1/31)
www.paiboonniti.com