คำพิพากษาฎีกาที่ 13806/2555

นายสันติพงศ์ แจ่มทวีกุล                โจทก์ 

บริษัท แฟร์ดีล เซอร์วิส จำกัด           จำเลย

เรื่อง 1.  ทำร้ายร่างกายผู้อื่นในบริเวณบริษัทฯ ร้ายแรงหรือไม่
       2.  การพิจารณาว่าร้ายแรงดูจากอะไร

 

1. โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2547 จำเลยจ้างโจทก์เข้าเป็นลูกจ้างทำหน้าที่พนักงานสำรวจอุบัติเหตุ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 6,500 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างให้ทุกวันสิ้นเดือน ต่อมาวันที่ 20 มกราคม 2549 จำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย

 2. จำเลยให้การว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 ขณะที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานของจำเลย ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายอรรถพร ในบริเวณสถานที่ทำงานของจำเลย ซึ่งการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและการดำเนินธุรกิจของจำเลย เป็นการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีร้ายแรง การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากับค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง

 3. ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์จำนวน 8,449.99 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์จำนวน 19,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 มกราคม 2549 จนกว่าจะชำระเสร็จ 

 4. จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 5. ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 5.30 นาฬิกา โจทก์กับนายอรรถพรพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุเพื่อนร่วมงานของโจทก์ได้โต้เถียงกันอยู่ประมาณ 5 นาที ในสถานที่ทำงานของจำเลย แล้วโจทก์ใช้กำลังชกต่อยนายอรรถพร 2 ครั้ง ครั้งแรกเฉียดแก้ม และครั้งที่สองถูกที่ท้ายทอย ไม่ปรากฏบาดแผล ต่อมาโจทก์    ถูกพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรัก ปรับ 1,000 บาท ในข้อหาใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ซึ่งแม้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยหมวดที่ 7 ข้อ 3.9 ระบุว่าการทำร้ายหรือพยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่นในบริเวณบริษัทฯ เป็นการกระทำผิดวินัยกรณีร้ายแรงก็ตาม แต่การจะเป็นความผิดวินัยกรณีร้ายแรงหรือไม่ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นประกอบด้วย หาใช่ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยแต่อย่างเดียวไม่ การที่โจทก์ใช้กำลังทำร้ายเพื่อนร่วมงานนั้น   เหตุเกิดขึ้นในห้องพนักงานสำรวจอุบัติเหตุในเวลาประมาณ 5.30 นาฬิกา เป็นเวลาก่อนการทำงานตามปกติของพนักงานทั่วไป และเมื่อมีผู้เข้าห้ามปรามก็เลิกรากันไป จึงไม่เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของจำเลย  การกระทำของโจทก์จึงเป็นเพียงการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ไม่ร้ายแรง เมื่อจำเลยไม่เคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือมาก่อน จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยหาได้ไม่ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จึงชอบแล้ว แต่การที่โจทก์ใช้กำลังทำร้ายเพื่อนร่วมงานอันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน เป็นการทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จึงไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน

 6. พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ย    แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
 . 



รวบรวมโดยนายไพบูลย์  ธรรมสถิตย์มั่น
www.paiboonniti.com
Code : 30