คำพิพากษาฎีกาที่ 4626/2554

นาวาอากาศเอกวิเชียร นกแก้ว โจทก์

บริษัทเมโทรแมชีนเนอรี่ จำกัด จำเลย

เรื่อง การสละสิทธิ์เรียกร้องมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย

1.โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2540 เข้าทำงานเป็นลูกจ้างตำแหน่งสุดท้ายทำหน้าที่ ที่ปรึกษาฝ่ายขายเครื่องจักรราชการ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 80,000 บาท โจทก์ออกจากการเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2548 ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยข้อ 43 ระบุว่า บริษัทจะจ่ายเงินโบนัสให้แก่พนักงานและลูกจ้างประจำรายเดือนผู้มีสิทธิได้รับในอัตราไม่น้อยกว่าเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่พนักงานหรือลูกจ้างประจำรายเดือนได้รับ และจ่ายให้ในวันสิ้นปี… โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินโบนัสในอัตราไม่น้อยกว่าเงินเดือนสุดท้ายที่โจทก์ได้รับในแต่ละปี เป็นเวลา 8 ปี คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 640,000 บาท นอกจากนี้ระเบียบของจำเลย เรื่อง เงินทุนสะสมพนักงาน พ.ศ. 2525 ข้อ 4 ระบุว่า บริษัทฯ จะจ่ายเงินทุนสะสมให้แก่พนักงาน เมื่อออกจากงานในอัตราร้อยละ 8 ของเงินเดือนที่พนักงานได้รับทั้งสิ้นสำหรับพนักงานที่มีอายุทำงานตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไป โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินทุนสะสมจากจำเลยในอัตราร้อยละ 8 ของเงินดังกล่าว คิดเป็นเงิน 614,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินโบนัส 640,000 บาท และเงินทุนสะสม 614,400 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

2.จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย โดยวันเริ่มเข้าทำงาน ตำแหน่งสุดท้ายและอัตราเงินเดือนสุดท้ายตามคำฟ้อง เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2548 โจทก์ยื่นใบลาออกจากงานด้วยความสมัครใจ แต่โจทก์ขอให้จำเลยช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อเป็นทุนให้โจทก์ทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งจำเลยก็อนุมัติให้โจทก์ลาออกและให้เงินช่วยเหลือโจทก์ในลักษณะคล้ายกับเป็นเงินชดเชยให้โจทก์ทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งจำเลยก็อนุมัติให้โจทก์ลาออกและให้เงินช่วยเหลือให้โจทก์ในลักษณะคล้ายกับเป็นเงินชดเชยให้โจทก์ จำนวน 720,000 บาท โจทก์รับเงินดังกล่าวจากจำเลยแล้ว และตกลงว่าจะไม่เรียกร้องเงินหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ หรือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอันเกี่ยวกับเงินเดือน ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยใดๆ จากจำเลยอีก โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงิน โบนัสหรือเงินทุนสะสมจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

3.ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง

4.โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

5.ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า ใบรับเงินได้จากการเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.4 ทำขึ้นโดยโจทก์จำเลยทราบดีว่า โจทก์ได้รับอนุมัติให้ลาออกจากงานแล้ว โจทก์จึงมีอิสระพ้นพันธะกรณีและอำนาจบังคับบัญชาของจำเลย การสละสิทธิ์เรียกร้องตามข้อตกลงในเอกสารหมายถึงการสละสิทธิ์เรียกร้องเงินทุกประเภทรวมทั้งเงิน โบนัสและเงินทุนสะสมตามฟ้องที่โจทก์อาจมีสิทธิจะได้รับจากจำเลยด้วย มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยต้องจ่ายเงินโบนัสและเงินทุนสะสมให้โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ใบรับเงินได้จากการเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.4 ทำขึ้นโดยโจทก์และจำเลยทราบดีว่า โจทก์ได้รับอนุมัติให้ลาออกจากงานแล้วโจทก์จึงมีอิสระพ้นพันธะกรณีและอำนาจบังคับบัญชาของจำเลย ดังนั้นการทำข้อตกลงตามที่ระบุไว้ในใบเสร็จรับเงินได้จากการเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.4 จึงเป็นการทำไปตามความสมัครใจของโจทก์เองย่อมผูกพันโจทก์ เมื่อข้อตกลงมีข้อความระบุว่าไม่เรียกร้องเงินหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ย่อมถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินประเภทอื่นอันจะพึงได้รับตามกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับของจำเลยจากจำเลย

6.พิพากษายืน

รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น (บ.1/43)

www.paiboonniti.com